เครื่องหนัง เป็นวัสดุหรูหราที่เก่าแก่ที่สุดที่มนุษย์ได้ใช้เพื่อห่อหุ้มร่างกาย ก่อนที่จะค้นพบการปั่นด้ายและประดิษฐ์ผ้า พัฒนามาเป็นเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ นี่คือจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอารยธรรมในยุคแรก โดยเริ่มมีการใช้หนังสัตว์ และยังคงใช้มากขึ้นในยุคโรมโบราณเรื่อยมาจนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผู้คนเริ่มต้องการบริโภคเครื่องหนังมากขึ้น
2.29 พันล้านตัวทั่วโลก คือจำนวนของสัตว์ที่สังเวยชีวิตเพื่อแฟชั่น จากข้อมูลองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานตัวเลขที่น่าสนใจโดยระบุว่า ในปี 2018 มีวัว ลูกวัว ควาย และแพะ รวมไปถึงหมู ถูกฆ่าเพื่อนำมาทำเป็นเครื่องหนัง ในจำนวนดังกล่าว 892 ล้านตัว คือ ตัวเลขของสัตว์ที่ถูกฆ่าเพื่อนำไปผลิตเป็นเครื่องหนังในประเทศจีนผู้ผลิตเครื่องหนังรายใหญ่ที่สุดของโลก รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกา มีการฆ่าสัตว์ทำเครื่องหนังกว่า 159 ล้านตัวในแต่ละปี (มากขึ้นจากปี 1980 ถึงสี่เท่า) และอีก 85 ล้านตัว ถูกฆ่าในอุตสหกรรมเครื่องหนังของประเทศบราซิล
ตัวเลขนี้เป็นเพียงการรายงานจากฐานข้อมูล เฉพาะวัว ลูกวัว ควาย และแพะ แต่ยังมีหนังสัตว์อื่นๆ อีกมากมายที่กลายเป็นเครื่องหนัง เช่น มีแกะมากกว่า 715 ล้านตัวจากทั่วโลกในแต่ละปี ที่กลายเป็นครื่องหนัง รวมไปถึงจระเข้ นกกระจอกเทศ จิงโจ้ กิ้งก่า สุนัขและแมว ภายในปี 2025 อุตสาหกรรมเครื่องหนัง อาจจะต้องฆ่าวัวมากถึง 430 ล้านตัวต่อปี เพื่อให้ทันกับความต้องการของการบริโภคของมนุษย์โลก
อุตสาหกรรมเครื่องหนังกำลังมีการเปลี่ยนแปลง และกำลังถูกท้าท้ายในเรื่องสิทธิสัตว์ อย่างเช่น ในประเทศไทย มีการเลี้ยงฟาร์มจระเข้รวมทั้งสิ้นประมาณ 700,000 ตัว ที่สำคัญจระเข้เป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาวถึง 80 ปี แต่เพื่อรองเท้า เข็มขัด และกระเป๋า จระเข้จะถูกจับมาฆ่าเพื่อนำหนังมาขายตั้งแต่อายุเพียง 3 ปีเท่านั้น
จระเข้ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม อยู่กันอย่างแออัดในบ่อคับแคบ เมื่อโตได้ที่ ถูกฆ่าด้วยการทุบจนตายด้วยค้อนขนาดใหญ่ ปาดคอ หรือสิ่วตอกลงไปที่กระดูกสันหลัง ทำให้เป็นอัมพาตก่อนจะถลกหนังทั้งเป็น ส่วนงู มักถูกตอกหัวตรึงให้อยู่กับต้นไม้ขณะที่ถูกแซะ และถลกหนังออกตลอดทั้งตัวในขณะที่ยังไม่ตาย งูที่ถูกถลกหลังลอกออกหมดแล้วมักถูกโยนทิ้ง แต่เนื่องจากงูเป็นสัตว์ที่มีระบบเมตาบอลิซึมต่ำ จึงยังคงมีชีวิตต่อจากนั้นอีกนานหลายชั่วโมงกว่าจะตาย หรือตะกวด จะถูกตัดหัวก่อน บางตัวยังคงดิ้นพราดๆ ระหว่างที่ถูกถลกหนัง ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ อาจเป็นข้อมูลที่น่าตกใจสำหรับผู้บริโภคที่ไม่เคยรู้มาก่อน
เราเชื่อว่า ‘เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ’ และทุกคนสามารถบริโภคทุกอย่างตามรสนิยม และความชื่นชอบที่บ่งบอกสไตล์ความเป็นตัวเองได้
เพียงแค่ "ลด" บางสิ่ง และ "เพิ่ม" บางอย่าง
- ‘ลด’ การบริโภคที่มากเกินความจำเป็น เพื่อเบียดเบียนชีวิตให้น้อยที่สุด
- ‘เพิ่ม’ ความเมตตาต่อสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ให้มากขึ้น เพื่อช่วยกันสร้างโลกที่น่าอยู่ให้กับลูกหลานของเรา
---
สร้างสรรค์โดย CreativeTONE
ที่มา
https://bit.ly/3sQTiA2
https://bit.ly/3rRlBia
https://bit.ly/365XeF5
https://bit.ly/3uRgCQH
#HEXA
#MercifulLifestyle
#LiveinModeration
#Veganbrand
0 comments